วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

วีซ่าปานามา

โทรไปสอบถามเรื่องวีซ่าปานามาที่สถานทูต คุยไปคุยมา...
"พี่ติ๋ว ใช่มั้ยคะ?"
"ใช่ค่ะ" จากนั้นก็คุยกันเรื่อง AFS ปานามากันต่ออีกหลายนาที
พี่ติ่วบอกว่าต้องไปฉีดวัคซีนกันไข้เหลืองก่อน ฉีดที่ซอยสวนพลุ หรือที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ตามโรงพยาบาลทั่วไปไม่มี
ถ้าจะไปเดือนพฤษภาคมก็ต้องขอวีซ่าเดือนมีนาคม เพราะวีซ่ามีอายุ 3 เดือน
แล้วก็ไปอยู่ปานามาได้ 1 เดือน ต้องให้ครอบครัวทางนู้นส่ง Invitation Letter มาด้วย
พร้อมกับ ID เพื่อยืนยันความมีตัวตน

เรื่อง AFS นั่นเศร้ามาก ปีนี้ไม่มีเด็กเลือกไปปานามาเลย เพราะปีที่ผ่านมาได้ครอบครัวไม่ดี
มีปัญหามาก พ่อเด็กต้องติดต่อสถานทูตเพื่อให้ย้ายครอบครัวหรือเอาเด็กกลับนี่แหละ
ปีที่แล้วมีเด็กไปสองคน ส่วนจากปานามาก็ไม่มีเด็กมาประเทศไทย

อะไรกันนี่---ไม่แน่ อาจจะเข้าไปเยี่ยมสำนักงาน AFS ปานามาด้วย โฮเซ่ยังอยู่มั้ยหนอ?

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Curso de Espanol



Compro' muchos CDs de lecciones en espanol. Son 'Tell Me More', 'Spanish All Talks', 'Pimsluer's' y 'Rosetta Stone.' Ahora mismo--aprendido espanol desde 'All Talks'. Se puedo transferir achivo de datos en mi Sony Ericsson tele'fono movi'l.

Oh---gosh. My spanish hasn't been improved! I hope I have more free time to dedicate to Spanish in April during a summer break.

หลังจากได้วีซ่าอเมริกามาแล้ว ขั้นต่อไปก็ขอวีซ่าปานามา ซึ่งเขาระบุว่าต้องมีตั๋ว ก็เลยลองหาราคาตั๋วแบบ e-ticket ดู ปรากฏว่าตั๋วถูกๆเป็นแบบแวะที่ไต้หวันบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง แล้วนี่เราต้องขอวีซ่าประเทศนั้นด้วยหรือเปล่า??++ ส่วนจากอเมริกาไปปานามา แบบ nonstop ของ Copa ก็เหลือที่นั่งประมาณหนึ่งร้อยที่ เอาไงดีหว่า? ซื้อเองแบบ e-ticket กลัวว่ามันจะไม่คอนเฟิร์ม ส่วนถ้าซื้อจากเอเยนซี่ก็อาจจะใช้บัตรเครดิตไม่ได้

เฮ้อ--จำเราจะต้องไปช้อปปิ้งแก้กลุ้มดีกว่า

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

The US Visa


I got the US visa! YAHOOOOO.

Tengo el visado para estados unidos. Me voy a apicar para los visados para Panama y Mexico. Mi plan es depue's de estar en estados unidos por 15 di'as, me voy a Panama.

ได้วีซ่าอเมริกามาแล้วจ้า ต้องขอบคุณ http://webboard.mthai.com/10/2007-08-09/339212.html และ blog ของคุณ Susie ที่ให้คำแนะนำ และเพื่อนๆอีกหลายคนที่ให้กำลังใจ
เราเตรียมเอกสารประมาณสามอาทิตย์ ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนั้น แต่ว่าถ้านับตั้งแต่ศึกษาข้อมูลอย่างจริงจังทางอินเตอร์เน็ตก็กินเวลาประมาณนั้น
1. ไปซื้อ PIN ที่ที่ทำการไปรษณีย์อุบลราชธานี ในตัวจังหวัด เพราะที่วารินไม่มี ราคา 408 บาท ก่อนซื้อจะต้องกรอกชื่อ-สกุลเป็นภาษาอังกฤษให้ตรงกับพาสปอร์ตด้วย ในเว็บของสถานทูตบอกว่าต้องรอจนถึงบ่ายโมงของวันถัดไปจึงจะเข้าระบบได้ แต่สำหรับเราต้องรอสองวันถัดไป
2. กรอกข้อมูลและนัดเวลาสัมภาษณ์ ใจจริงแล้วอยากไปสัมภาษณ์ใกล้ๆสิ้นเดือนกุมภา แต่ว่าเขาให้เราจองได้ประมาณ 20 วันหลังจากซื้อ PIN อันนี้ไม่ทราบว่าระบบตั้งมาอย่างนี้ หรือว่ามีคนอื่นจองไปก่อนหน้าเรา จนเหลือเท่าที่เห็นก็ไม่ทราบ น่าจะเป็นอย่างหลังเพราะเราลังเล ระหว่างวันที่ 11 ซึ่งเป็นวันจันทร์กับ 15 ซึ่งเป็นวันศุกร์ ไปนอนคิด 1 คืน เข้าระบบวันถัดมาปรากฏว่าวันที่ 15 เต็มซะแล้ว ตัดสินใจเลือกวันที่ 12 วันจันทร์สอนเยอะไม่อยากลา
3. กรอก DS-156, DS 157 ระวังให้ดี DS-156 มีสามแผ่น แผ่นสุดท้ายไม่ต้องกรอกอะไร จะมีแถบบาร์โค้ด ซึ่งวันที่ไปสัมภาษณ์มีบางคนปริ้นบาร์โค้ดออกมาไม่สมบูรณ์ ก็ต้องไปปริ้นใหม่ แต่ไม่ต้องตกใจ เขาให้เวลาเอาเอกสารมาส่งถึง 10.00 น. save หน้าที่กรอกข้อมูลแล้วใส่ flash drive ติดตัวไปด้วยก็แล้วกัน
4. เตรียมรูปถ่าย 2x2 นิ้ว ไม่ใช่ 2 นิ้วนะคะ รูปจะใหญ่หน่อยแปะลงใน DS-156 ได้พอดี เรื่องรูปนี่เราถ่ายตั้งสองรอบ เพราะบอกร้านว่า 2 นิ้ว เลยต้องแก้ใหม่
5. ความจริงอันนี้เป็นสิ่งที่ทำอันดับแรก แต่ทำสำเร็จเป็นลำดับท้ายๆ นั่นก็คือทำเรื่องขอใบรับรองการทำงานและเงินเดือน จากนั้นทำเรื่องลาพักผ่อน และขออนุญาตออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งอันหลังต้องได้ลายเซ็นอธิการบดี ใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ และขอให้ Jake เขียน Invitaion Letter ให้ เธอก็ดี๊ดี ส่งมาให้ภายในสิบวัน
6. เตรียมบัญชีธนาคาร เราเอาติดตัวไปสองเล่มคือของกรุงไทยและของสหกรณ์ออมทรัพย์
7. จ่ายค่าวีซ่าที่ที่ทำการไปรษณีย์ 4,4xx บาท
--------------------------------
วันสัมภาษณ์

นั่งรถไฟจากอุบลมาถึงกรุงเทพตอนเกือบหกโมงเช้า โชคดีมากที่รถถึงตรงเวลา ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกระโปรงที่ดูดีหน่อย ล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็ซื้อไส้กรอกกิน จากนั้นนั่งแท้กซี่ประมาณหกสิบบาทก็ถึงหน้าสถานทูต เรามาถึงก่อนเวลานัดนานมาก กินเสร็จแล้วก็เพิ่งจะเจ็ดนาฬิกา ตัดสินใจไปเข้าแถวเลย คิดถูกที่สุดแล้ว เพราะมาก่อนสัมภาษณ์ก่อน ไม่เกี่ยวกับว่าคุณนัดเวลาไว้กี่โมง
ถุงพลาสติกใส่ไส้กรอกก็ยังถือติดมือ เพราะแถวนั้นไม่มีถังขยะ คงป้องกันคนเอาระเบิดมาทิ้ง

ด่านแรกตรวจเอกสารเบื้องต้นโดยสาวเสื้อแดง--เหลือบไปเห็นถังขยะข้างๆโต๊ะของเธอ ดีใจเป็นล้นพ้น ที่ขยะจะได้ลงขยะซะที
สาวไทยกับสามีฝรั่งก่อนหน้าเรา เอกสารขาดไปต้องกลับไปจัดการเอกสารใหม่ ส่วนเราเรียบร้อย เข้าประตูกระจก ผ่านไปยังด่านตรวจกระเป๋า และฝากโทรศัพท์ พี่รปภไม่ยังกะเอาไอ้ metal inspector มาคลอเคลียตัวเราแฮะ อุตส่าห์เตรียมแยกขาให้เครื่องตรวจแล้วเชียว

จากนั้นก็เข้าแถวตรวจเอกสารอย่างจริงจัง จะมีเจ้าหน้าที่ "อาวุโส" ที่ไม่ใส่เสื้อแดงคนหนึ่งมาคอยกำกับ
"สองแถวเลยค่ะ"
"..เอาใบเสร็จขึ้นก่อน แล้วก็เรียง...เอกสารไปรษณีย์กรอกได้เลยค่ะ อ้าว! บาร์โค้ดแตกอย่างนี้ใช้ไม่ได้นะคะ ไปปริ้นท์ใหม่ ข้างนอกก็ได้ หรือจะใช้เครื่องคอมในนี้ก็ได้ ให้เวลาถึงสิบโมงค่ะ"
คุณป้ากับคุณลูกสาวตกใจใหญ่ แต่ก็โชคดีที่เธอเอาสำรองมาอีกหนึ่งชุด ซึ่งบาร์โค้ดสมบูรณ์แบบ

สาวเสื้อแดงสามคนตรวจเอกสาร และเรียงให้เรา จากนั้นใส่ซองพลาสติดสีขาวให้ฟรี! (อันที่จริงสุดท้ายแล้วเขาก็เก็บไปคืนนั่นแหละ)

จากนั้นไปซื้อซองไปรษณีย์ 75 บาท จ่าหน้าซองถึงตัวเองให้เรียบร้อยขอแนะนำให้เตรียมปากกาไปเองเพราะจะได้ไม่ต้องไปรอคิว เสร็จแล้วนำไปที่ช่อง 1,2,3

เจ้าหน้าที่สาวพูดกับเราผ่านหน้าต่างกระจก สแกนรูป สแกนลายนิ้วมือ และถามว่า
"เคยได้วีซ่ามาก่อนไหมคะ"
"เคยค่ะ วีซ่านักเรียน"
"เอามาด้วยไหมคะ"
"เอามาค่ะ" แล้วก็ยื่นพสาปอร์ตเล่มแรกในชีวิตที่ได้วีซ่านักเรียนหนึ่งปี ตอนที่ไปปานามา
"ยื่นเอกสารที่ช่อง 11 นะคะ เพราะคุณเคยได้วีซ่าแล้ว"

ผลักประตูไม้เข้าไปก็จะมีคนยืนบ้างนั่งบ้างเต็มไปหมด จะมีหน้าต่างกระจกอยู่ประมาณ 13 บาน มีไฟบอกว่า
Window 1,2,3 ไล่ไปเรีอยๆถึง 9 หน้าต่างถัดไปอีกสองช่องไฟเสียแล้ว แล้วก็ Window 12 เลย

ฝรั่งหนุ่มผมบางสัมภาษณ์ หญิงสาวอยู่ ผู้หญิงบอกว่าพูดอารบิกได้ นายคนนี้ก็เรียกเพื่อนหน้าต่างที่สิบมาพูดกับผู้หญิงเลย ผู้หญิงก็อ้ำๆอึ้งๆ นายนี่ก็หัวเราะ
"ระวังนะ ที่นี่น่ะ เรามีคนพูดได้ 11 ภาษา" หมายความว่าทั้งสถานทูตรวมกันสิบเอ็ดภาษา หรือนายนั่นคนเดียวสิบเอ็ดภาษา?! ถ้าเป็นอย่างหลังก็เกินไปแล้วนะนั่น!

ต่อมาก็เป็นหนุ่มไทยเข้าสัมภาษณ์ คนนี้จะไปเรียน สัมภาษณ์นานเป็นพิเศษ เพราะคนนี้พูดอังกฤษไม่ค่อยได้
นายฝรั่งเลยพูดไทยชัดถ้อยชัดคำว่า
"จะไปเรียนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยเหรอ?"
แหง่ว...
จะไปทำไม ถ้ากลับมาแล้วก็ทำงานที่เดิม เงินเดือนเท่าเดิม บลา บลา บลา
สุดท้ายก็ผ่าน

ข้อสังเกตง่ายๆคือ คนที่ผ่านยื่นเอกสารแล้วจะไม่ได้รับคืน

ต่อมาก็นายทหารอากาศ
"Why do you want to go there?
"Vacation"
อ๊ะ--เราตอบสั้นๆอย่างงี้มั่งดีกว่า ตอนแรกกะจะอธิบายว่าตั้งใจไปปานามาแล้วก็เลยแวะอเมริกาด้วย สงสัยมันจะยาวยืดไป
ถามอีกนิดหน่อย ฝรั่งก็พูดว่า
"Have a good trip."
ผ่านไปอีกหนึ่ง

มาถึงเรา เขาไม่ยังกะถาม how are you ทีกับคนอื่นๆถามทุกคน
"Why do you want to go there?"
"For vacation"
"Who is this?"
"My friend's husband."
"Who is your friend?"
"Mateta Poonthong"
"How did you know her?"
"At Chiangmai University"
"Why is she there?"
"She's married to that guy."
"OK-Have a good trip."
"Thank youuuuuuuu."
แล้วเขาก็ถามว่าสอนวิชาอังกฤษ พอตอบว่าอังกฤษ ก็พูดว่า Good

เขาไม่ได้ขอดูสมุดบัญชี จดหมายเชิญ หรือหนังสืออนุญาตให้ลาพักเลย ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ คงเพราะตราครุฑช่วยได้อย่างที่เยาว์บอกไว้

ออกมาจากสถานทูตเพิ่ง 8.30 น. โทรหาแพร แล้วก็นั่งแท้กซี่ไปศูนย์หนังสือจุฬา ได้เรื่องกฤตยาของทมยันตีมา กะเอาไว้อ่านฆ่าเวลาบนรถไปขากลับ แล้วก็ไปกินข้าวเช้าที่เชสเตอร์กริลแถวนั้น นั่งแช่ไปสองชั่วโมงมั้ง แล้วก็นั่งแท้กซี่ไปหาแพรที่สีลม กินข้าวเที่ยงกัน แพรให้ช็อคโกแลตมา อายจังไม่ได้เตรียมอะไรให้เธอเลย แพรน่ารักมากบริการดีสุดๆ

เสร็จแล้วเราก็มานั่งๆเดินๆอยู่มาบุญครอง รอจนห้าโมงเย็นก็ไปกินอาหารญี่ปุ่นกับเพื่อนมหิดลที่ฟูจิ เฮฮากันไปตามประสา

กินเสร็จพี่แมนมาส่งที่หัวลำโพง โทรไปหาแพรก่อนรถไฟออก เธอห่วงนั่นห่วงนี่
"ไม่ต้องห่วงนะ ตู้นี้มีทั้งพระ เณร และซิสเตอร์"
"เจ๊ดาขึ้นผิดตู้อ๊ะป่าว?"
เป็นงั้นไป